ปัจจุบันโลกในศตวรรษที่ 21 ได้เปลี่ยนแปลงรวดเร็ว และซับซ้อนมาก เด็ก เยาวชน หรือ ผู้ใหญ่ หากทักษะ EF บกพร่อง ชีวิตอาจติดหล่ม อาจตกเป็นทาสของสิ่งเร้าทั้งหลาย อาทิ ยาเสพติด การพนัน แอลกอฮอล์ ฯลฯ ได้ง่ายกว่า แต่หากได้รับการฝึกฝน ทักษะ EF มาดี บุคคลก็จะคิดวิเคราะห์เป็น มีหลักการ วิธีคิดมีการไตร่ตรอง สามารถตัดสินใจได้เหมาะสม เป็นคนที่ทำงานเป็น รู้จักวางแผนก่อนลงมือทำเป็น ระบบ หากทำไปแล้วเกิดอุปสรรค ก็ลุกขึ้นสู้ต่อได้ รู้จัก แก้ไข หรือคิดค้นหาทางออกใหม่ ๆ ไม่ยึดติดอยู่กับกรอบ ความคิดเดิมๆ นอกจากนี้ ยังสามารถจัดสัมพันธภาพ ได้ดี เพราะรู้จักควบคุมอารมณ์ และพฤติกรรมตนเอง จนเป็นที่ยอมรับของเพื่อนร่วมงาน หรือคนในครอบครัว EF จึงเป็นพื้นฐานของทักษะสำคัญที่ต้องมีในศตวรรษที่ 21 นั่นเอง
ระบบ EF สู่ระบบทางการศึกษาของไทย การปฏิรูปการศึกษาควรทบทวนว่า ถ้าเป้าหมายที่ประเทศชาติ ต้องการคือ เด็กไทยคิดเป็น ทำเป็นแก้ปัญหาเป็น อยู่กับคนเป็น มีความสุขเป็น หรือ "เก่ง ดี มีสุข" นั้น หากสมองของพวกเขาไม่ได้รับการพัฒนาให้มีทักษะความสามารถที่จะคิดเป็น ที่จะทำเป็น ที่จะหาความสุขเป็น ตั้งแต่วัยที่ควรฝึกแล้ว เมื่อโตขึ้นสมองของเขาจะทำเป็นได้อย่างไร สมองส่วนหน้าถ้าขาดโอกาสหรือเสียหายไปตั้งแต่เล็กแล้ว โตขึ้นจะฟื้นไม่ได้ง่ายๆ ฉะนั้น ถ้าจะปฏิรูปการ ศึกษาเพื่อคุณภาพเด็กไทย ต้องพูดเรื่องการพัฒนาทักษะ EF อย่างจริงจัง ไม่เช่นนั้น เราไม่มีวันได้ผลลัพธ์ตามที่ตั้งเป้าหมาย ไว้เด็ดขาด
ทั้งนี้ การนำ EF ไปใช้ ไม่ใช่เป็นการไปเพิ่มบทเรียน ทฤษฎีใหม่ หรือภาระใหม่ให้กับพ่อแม่หรือครู ไม่ต้องมีอุปกรณ์แพง ๆ แต่พ่อแม่หรือครูต้องเรียนรู้ทำความเข้าใจหลักการพัฒนาทักษะสมอง EF ให้ชัดเจน แล้วสังเกตว่าลูกของเรามีจุดแข็ง EF ในด้านใด มีจุดอ่อนด้านใด แล้วก็ฝึกฝนเสริมสร้างในด้านนั้น โดย พัฒนาผ่านประสบการณ์ในชีวิตจริงที่หลากหลาย ทั้งที่บ้าน และที่โรงเรียน
ปัจจุบัน สถาบันอาร์แอลจี ในฐานะ Content Experts คือผู้เชี่ยวชาญเนื้อหาวิชาการ และเป็นผู้นำในการพัฒนากระบวนการเรียนรู้อย่างสร้างสรรค์ที่เกี่ยวข้องกับเด็ก สตรี ครอบครัว ผู้สูงวัย ชุมชนและสังคม โดยได้ทำการจัดการความรู้เรื่อง"Executive Functions (EF) ทักษะการคิดเพื่อชีวิตที่สำเร็จ" อันเป็นความรู้ที่วงการพัฒนาการเด็กในต่างประเทศกำลังให้ความสนใจเป็นอย่างมาก มาใช้กับเด็ก ๆ ในประเทศไทย โดย มี รศ.ดร.นวลจันทร์ จุฑาภักดีกุล ผู้เชี่ยวชาญด้านประสาทวิทยา จากศูนย์วิจัยประสาทวิทยาศาสตร์ สถาบันชีววิทยาศาสตร์โมเลกุล มหาวิทยาลัยมหิดล เป็นผู้ศึกษาวิจัยและรวบรวมงานวิจัยจากต่างประเทศ และสถาบันอาร์แอลจีจะเป็นผู้จัดการความรู้และพัฒนาให้ความรู้ EF ให้ เป็นที่เข้าใจง่าย โดยมุ่งหวังให้พ่อแม่และบุคลากรทางการศึกษา (โดยเฉพาะปฐมวัยศึกษา) สามารถนำไปใช้ในการพัฒนาเด็กได้ อย่างเป็นรูปธรรม ด้วยมุ่งมั่นว่า EF จะเป็นองค์ความรู้ หนึ่งที่จะร่วมส่งเสริมการปฏิรูปการศึกษาของไทยที่กำลังดำเนินอยู่ในขณะนี้ ให้ก้าวขึ้นไปสู่ความสำเร็จ อย่างยั่งยืนต่อไป.
"มนุษย์เราไม่ได้เกิดมาพร้อมทักษะ EF แต่เราเกิดมาพร้อมศักยภาพที่จะพัฒนาทักษะเหล่านี้ได้ ผ่านการฝึกฝนและพัฒนาอย่างต่อเนื่อง การวิจัยจำนวนไม่น้อยชี้ให้เห็นว่า EF เริ่มพัฒนาขึ้นในเวลาไม่นานหลังปฏิสนธิ โดยช่วงวัย 3-6 ขวบ เป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการพัฒนาทักษะ EF ด้านต่างๆ ให้กับเด็ก เพราะเป็นช่วงที่สมองส่วนหน้าพัฒนามากที่สุด" และพ่อแม่จะพัฒนาทักษะนี้ให้ลูกอย่างไร รศ.ดร.นวลจันทร์แนะว่า พ่อแม่ยังต้องดูแลเรื่องอาหารการกิน การพักผ่อน ให้ความรักความอุ่นเขาตามปกติ เพราะถ้าเด็กการรับรู้ไม่ดี ประสาทสัมผัสทั้งหลายไม่ดี เขาก็ยากที่จะพัฒนา EF ได้ "ส่วนจะสอนอะไรเพื่อให้เด็กมี EF ดี มีหลายวิธี ไม่ว่าจะเป็นการเลือกของเล่นให้ลูกได้คิดอย่างสร้าง สรรค์ เช่น เลโก้ หมากฮอส หมากรุก พวกนี้ฝึกสมองส่วนหน้าช่วยพัฒนาความคิดของเด็ก หรือแม้แต่ทำงานบ้าน เป็นการฝึกให้มีความรับผิดชอบ รวมทั้งการอ่านหนังสือ ยิ่งพ่อแม่อ่านหนังสือให้ลูกฟังมากเท่าไหร่ เด็กจะมีทักษะเรื่องการอ่าน การเขียน เชาวน์ปัญญาดีขึ้นเท่านั้น หรือส่งเสริมให้เด็กเล่นดนตรีก็เป็นการฝึกสมองที่ดีเช่นกัน" ที่สำคัญอย่าให้เด็กเครียด ถ้าเครียดเมื่อไหร่สมองส่วนหน้าจะไม่ทำงาน ฉะนั้น "สิ่งแวดล้อมที่ไม่กดดัน มากนัก และมีความเป็นมิตร จะช่วยเปิดโอกาสให้เด็กกล้าคิดกล้าทำ"
รศ.ดร.นวลจันทร์ จุฑาภักดีกุล ผู้เชี่ยวชาญด้านประสาทวิทยา ศูนย์วิจัยประสาทวิทยาศาสตร์
สถาบันชีววิทยาศาสตร์โมเลกุล มหาวิทยาลัยมหิดล